เรื่องเล่า (1) : ปฐมบทแห่งการเดินทาง

ณ.สถานีรถไฟโพธาราม เวลาประมาณบ่ายสามโมง

“ไปไหน่กันเหร๋อ” เสียงผู้ชายคนนึงทักขึ้น (กรุณาทำเสียงเหน่อๆ)

“อ๋อ มาส่งหลานไปขอนแก่น” โกผมตอบกลับ

ใช่แล้วครับ วันนี้ผมจะต้องเดินทางไปตรวจร่างกายและสอบสัมภาษณ์ที่มหาลัยขอนแก่น คือผมเอนท์ติดอ่ะคับ ที่คณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์สาขาบรรณารักษ์ศาสตร์และสารนิเทศศาสตร์ เป็นชื่อสาขาที่ยาวที่สุดในโลก

เสียงระฆังดังขึ้น รถไฟกำลังเคลื่อนออกจากขบวน ผมมองออกไปนอกหน้าต่าง ดูอะไรไปเรื่อย ข้างหน้ามีป๊ากับหลวงลุงนั่งคุยกันอยู่

โกผมให้ไปขอนแก่นด้วยรถไฟ โดยให้เหตุผลว่ามันเร็วและถูก แต่ตอนนี้ผมกำลังนั่งรอรถไฟสับรางเกือบสองชั่วโมงแล้ว

“เมื่อไหร่จะได้ไปซักทีเนี่ย” ผมบ่นกับตัวเอง

รถไฟประเทศไทยเป็นอะไรทีโคตรช้าครับ กว่าผมจะมาถึงสถานีสามเสนในกรุงเทพฯก็ปาเข้าไปสองทุ่ม!!!

กว่ารถไปขอนแก่นจะมาก็ตั้งสามทุ่ม ผมเลยมีเวลาเดินหาอะไรกินแถวสถานี ไปได้เอาข้าวเหนียวหมูแดดเดียวมาแบ่งกินกับป๊าและหลวงลุง

สามทุ่มแล้ว รถไฟมาพอดี รถคันนี้เป็นตู้นอนครับ เคลียร์กันว่าป๊านอนข้างบน ผมนอนข้างล่าง ส่วนหลวงลุงนอนอีกตู้นึง

พอจัดที่จัดทางเสร็จผมก็ล้มตัวลงนอนคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนหลับไปโดยไม่รู้ตัว

“แต๊งๆๆๆๆ” เสียงระฆังรถไฟปลุกผมให้ตื่นขึ้นมา นี่มันกี่โมงแล้วน้อ แล้วตอนนี้ถึงไหนแล้วเนี่ย

ผมลุกขึ้นมาก็เจอป๊านั่งอยู่ข้างๆ บอกว่าสถานีหน้าก็อุดรแล้ว คือผมต้องพาหลวงลุงมาส่งที่อุดรก่อนแล้วค่อยย้อนกลับไปขอนแก่น

ขณะที่กำลังจัดที่นอนให้กลับมาเป็นเบาะที่นั่งเหมือนเดิม ฉับพลันผมก็เห็นม้วนกระดาษแผ่นหนึ่ง ถูกผูกไว้ด้วยยางมัดผมผู้หญิง

” เจ้าอยากรู้จักสาวลาวม้าย ตู้909 ” นี่คือประโยคที่ผมอ่านได้จากกระดาษแผ่นนั้น ลายมือโคตรหวัดครับ เหมือนใช้มือข้างที่ไม่ถนัดเขียน

ผมอ่านด้วยความงง สาวลาว…สาวลาวไหนวะ กูยังไม่เห็นรู้จักใครสักคน ผมอยากรู้ก็เลยเดินไปหาตู้หมายเลข 909

ครับ พอผมเดินเข้าไปในโบกี้หนึ่ง ผมสังเกตเห็นผู้หญิงน่าจะรุ่นเดียวกับผมหรือน้อยกว่ามองมาทางผมอย่างตกใจแล้วรีบรูดม่านปิดทันที ในขณะที่เพื่อนของผู้หญิงคนนั้นหัวเราะชอบใจและส่งเสียงกรี๊ดกร๊าดกันใหญ่

ผมมองอย่างงงๆแล้วก็เดินกลับไป ผมได้ยินเสียงกรี๊ดดังมาจากข้างหลังมากกว่ามะกี้อีก

พอถึงสถานีอุดรตอนจะลงรถ ผมก็เจอผู้หญิงกลุ่มนั้นยืนยิ้มอยู่ข้างหลัง พอผมเห็นคนลงทางซ้ายเยอะผมเลยเดินไปลงทางขวา สาวๆกลุ่มนี้ก็เดินตาม พอป๊าเห็นเลยตะโกนเรียกให้ผมมาลงฝั่งซ้าย ยัยพวกนี้ก็ตามมาอีก จนลงรถไฟแล้วก็ยังตามมาจนผมขึ้นรถ

ตอนนั้นโง่ครับ ไม่รู้เรื่อง คิดแค่ว่า มันจะตามมาทำไมวะ

จากรถไฟ ผมไปที่บ้านหลวงลุงแล้วก็นั่งรถกลับมาขอนแก่น ในตารางบอกว่าผมได้ตรวจร่างกายช่วงเช้าและสัมภาษณ์ช่วงบ่าย เพราะงั้นสถานที่แรกที่ผมจะไปก็คือ


โรงพยาบาลศรีนครรินทร์

3 Responses to เรื่องเล่า (1) : ปฐมบทแห่งการเดินทาง

  1. Madsatan_Nui พูดว่า:

    หลวงลุงที่ว่าเนี่ย เป็นพระเหรอ แล้วตอนสามทุ่มเพ่ซื้อหมูแดดเดียวมาถวายท่านเนี่ยนะ สุดยอดๆๆ

  2. admin พูดว่า:

    หลวงลุงเป็นพระคับ ผมซื้อมาข้าวเหนียวมากินกับป๊าคับ ส่วนหลวงลุงก็ฉันน้ำคับพี่

  3. แพร พูดว่า:

    ไปเป็นบรรณารักษ์แล้ว ห้ามเขียนคำว่า ณ มีจุดอีกนะ
    ณ ไม่ใช่คำย่อ ไม่ต้องมีจุด

ส่งความเห็นที่ Madsatan_Nui ยกเลิกการตอบ